FAQ | คำถามที่พบบ่อย

ทำไม? โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา (โรงเรียนนอกกกะลา)


? ทำไมครูต้องมาทำงานแต่เช้า


# เพื่อมารับอากาศบริสุทธิ์ สดชื่น สมองปลอดโปร่งจิตใจเบิกบาน และร่วมรับประทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดที่ โรงอาหารของโรงเรียนร่วมกับครูคนอื่นๆ สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและ รับทราบข่าวสารต่างๆ ใหม่ๆ ร่วมกัน


# เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นผ่านการเล่นกับเด็กๆ และได้เรียนรู้เด็กๆ ผ่านการเล่น


# เพื่อพบปะพูดคุยสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครอง


? ทำไมครูต้องมีการประชุมหลังการสอนแต่ละวันหรือเป็นประจำทุกสัปดาห์


# เพื่อทบทวนพัฒนางานร่วมกัน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากความสำเร็จของกันและกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อแก้ปัญหา ร่วมกัน ครูทุกคนจะได้รับรู้ความเคลื่อนไหวสิ่งที่เกิดขึ้นตรงกัน กิจกรรมนี้เป็นส่วนสำคัญของโรงเรียนในการพัฒนาครูให้เป็น ครูผู้มีวุฒิภาวะ


? ทำไมครูต้องไม่ใช้ความรุนแรง ดุด่า ปรามาส หรือ ตี


# ความเชื่อพื้นฐานคือนักเรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ การดุด่าหรือใช้ความรุนแรงมีแต่จะทำให้เกิดความกลัว แรงภายในที่ต่อต้านครู หรือพฤติกรรมก้าวร้าวต่อคนอื่น อันเป็นปัจจัยที่ขัดขวางการเรียนรู้ ทั้งยังเป็นการทำลายคุณค่าในตัว เด็กด้วย


? ทำไมครูตรวจงานจึงไม่มีคะแนนและดาวให้นักเรียน


# เพื่อลดการตีค่าเด็กจากครู ลดการเปรียบเทียบกันและกันของ เด็ก แต่ครูมีหน้าที่ต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กแต่ละคนอยู่ตรงไหน มีอะไรที่จะต้องพัฒนาต่อบ้าง และจะพัฒนาเด็กแต่ละคนต่ออย่างไร


? ทำไมต้องมีครูเวรคอยดูแลการรับ-ส่งนักเรียนของผู้ปกครอง


# เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียนหรือผู้ปกครอง ครูคนนั้นได้ รู้จักนักเรียนหรือผู้ปกครองในชั้นเรียนอื่นๆ ได้เฝ้าสังเกต เหตุการณ์ ความผิดปกติต่างๆ เช่น นักเรียนไม่สบาย อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ ที่ก่อเกิดอันตราย พร้อมทั้งให้คำแนะนำ ได้ทันท่วงที และ ได้มีโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนา ผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง


? ทำไมครูไม่ได้มีหน้าที่สอนอย่างเดียว และทำไมจึงจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนหน้าที่ใหม่อยู่เสมอ


# เพื่อให้ครูได้เรียนรู้งานด้านอื่นๆ อย่างหลากหลาย ครอบคลุม ให้มองเห็นงานของโรงเรียนหรืองานด้านการศึกษา กว้างมากขึ้น สอดรับกันมากขึ้น และสามารถเชื่อมโยงงานตนเองกับผู้อื่นได้


? ทำไมครูต้องออกเยี่ยมบ้านนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ


# เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ให้ครูเข้าใจพื้นฐานความเป็นอยู่ของแต่ละคนเพื่อหาแนวทางร่วมมือพัฒนาเป็นรายกรณีต่อไป






? ทำไมต้องมีการจัดการเรียนการสอนบูรณาการแบบ PBL โดย ไม่ใช้แบบเรียนตายตัว


# เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะสำหรับอนาคต เช่น ทักษะการคิดหลายระดับ ทักษะการจัดการความรู้ ทักษะการ ทำงานร่วมกัน ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการสร้างนวัตกรรม ฯลฯ ทั้งนี้ยังมุ่ง ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เพื่อความเข้าใจ และนำไปสู่การใช้ในชีวิตจริง เชื่อมโยงกับสรรพสิ่งรอบตัว โดยไม่ยึดติดกับความรู้ซึ่งมีอายุสั้น โดยจะต้องให้สอดรับกับ เจตนารมณ์ของหลักสูตร และ พรบ. การศึกษาแห่งชาติ ที่ให้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง


? ทำไมครูจึงไม่มีการอบรมเด็กหน้าเสาธง


# อบรมส่วนใหญ่จะจับจ้องไปที่ด้านลบซึ่งจะทำให้จิตของเด็ก เศร้าหมองตั้งแต่ต้นวัน กิจกรรมหน้าเสาธงควรทำเพียงระยะ เวลาสั้นๆ สงบๆ เพื่อเป็นพิธีกรรมการเริ่มต้นวันที่มีความหมาย และเพื่อการแสดงออกถึงการขอบคุณ การนอบน้อม การมีสติ


? ทำไมครูจึงไม่มีการสรุปเรื่องหรือข้อคิดหลังจากเล่านิทานจบ


# เพราะนิทานที่เล่ามาทั้งหมดนั้น จะมีความหมายน้อยลงทันที ถ้าครูสรุปให้นักเรียน นักเรียนควรจะเป็นผู้เชื่อมเรื่องราว กับประสบการณ์ที่มีอยู่เดิมเอง โดยครูอาจเป็นเพียงผู้ตั้งคำถามนำและให้เด็กแต่ละคนได้อธิบายความเข้าใจหรือ ความ เชื่อมโยงออกมา


? ทำไมครูไม่ตัดสินและชี้โทษ เมื่อนักเรียนทำผิด


# เพื่อให้เด็กได้เติบโตทางจริยธรรมจากภายในเองด้วยการที่ครู เป็นเพียงผู้ให้การสะท้อนเพื่อการใคร่ครวญ การรู้ตัว การพิจารณาผิดถูกควรไม่ควรได้เอง โดยที่ครูไม่ได้เล่นบทพระเจ้า


? ทำไมครูต้องพูดเสียงเบาอย่างเป็นธรรมชาติและท่าทีที่เป็นกัลยาณมิตร


# เสียงเบา โทนธรรมชาติมีผลต่อคลื่นสมอง เด็กจะตั้งใจฟังและ เปิดรับอย่างมีสมาธิ การพูดเบาอย่างธรรมชาติยังเป็นการ ฝึกเด็กให้พูดและการฟังต่อกันด้วยความ เคารพ ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ ที่ดีต่อกัน แต่ถ้าครูพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังเด็กก็จะตะเบ็ง เสียงแข่ง ตอนนั้นจะไม่มีใครฟังใคร ทั้งครูและเด็กก็เหนื่อย หงุดหงิด และเจ็บคอ


? ทำไมครูต้องเล่นกับนักเรียน

# เพื่อลดช่องว่างระหว่างครูกับเด็ก เป็นการสร้างความสัมพันธ์ ระดับราบเพื่อยกระดับคุณค่าความเป็นมนุษย์ต่อกันและกัน เป็นการสอนหรือการเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างครู กับเด็ก ทั้งยังเป็นช่วงเวลาของมนุษย์ที่ถ่ายทอดความเป็น มนุษย์ สู่กันและกัน


? ทำไมครูจึงไม่สอนโดยวิธีบอกคำตอบ หรือบอกความรู้ต่อเด็ก


# กระบวนการเรียนรู้สำคัญกว่าความรู้ เด็กควรจะเป็นผู้ร่วมกันสร้างความเข้าใจหรือองค์ความรู้ขึ้นมาเองโดยมีครูเป็นผู้ อำนวยความสะดวกให้


? ทำไมคุณครูต้องเล่นกีฬาและจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ใน ตอนเย็นร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ


# เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน และเพื่อความ เป็นกันเองผ่อนคลาย ความเครียด เสริมสร้างความสามัคคี ในหมู่คณะ และการทำงานเป็นทีม


? ทำไมครูไม่ใส่เครื่องแต่งกายที่เป็นทางการ


# เพื่อลดความรู้สึกน่าเกรงขาม ลดการยึดติดกับเครื่องแบบ ยศ ภาพลักษณ์ภายนอก เพียงแค่แต่งกายให้สุภาพก็ สามารถสอนเด็กได้


? ทำไมต้องมีการจัดอบรม พัฒนาศักยภาพครู และทำไมครูต้องได้เรียนรู้สิ่งใหม่



# เพื่อให้เราเติบโต ไม่ตายหรือยึดติดกับความรู้เดิมครูต้องหมั่น พัฒนาตนเองอยู่เสมอ และเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง


? ทำไมครูต้องตั้งคำถามนักเรียนว่า “ทำไม” และ “อย่างไร”


# การตั้งคำถามเป็นการทบทวนความชัดเจนของครูเอง และเมื่อตั้งคำถามกับเด็กก็จะสร้างความกระหายใคร่เรียนรู้มากขึ้น


? ทำไมครูต้องนั่งกินข้าวร่วมกับนักเรียน


# เพื่อเป็นแบบอย่างและให้การแนะนำ ดูแลเอาใจใส่นักเรียนขณะรับประทานอาหารโดยเฉพาะนักเรียนที่ไม่ชอบรับประทาน อาหารบางชนิดและเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน


? ทำไมครูทุกคนต้องเข้าแถวหน้าเสาธงร่วมกับนักเรียน


# เพื่อเป็นแบบอย่างในในการทำพิธีกรรมสั้นๆ ในการเริ่มต้นวันที่มีความหมาย


? ทำไมเวลาควบคุมชั้นเรียนครูถึงใช้วิธีชมคนที่พร้อม แทนที่จะตำหนิคนที่ไม่พร้อม


# เป็นวิธีการ “ชี้ถูก” แทนที่จะ “ชี้ผิด” ใช้พลังด้านบวกกลบพลังด้านลบ


? ทำไมคุณครูจึงจัดมุมหนังสือไว้ในห้องทุกห้อง


# เพื่อปลูกฝังการรักการอ่านและการเรียนรู้ตลอดชีวิต


? ทำไมเวลาครูรับไหว้หรือทักทายเมื่อเจอกันต้องเรียกชื่อนักเรียนทุกครั้ง


# การเรียกชื่อคือการให้เกียรติ บ่งบอกว่าเรากำลังพูด หรือ ไหว้กับใคร


? ทำไมครูและนักเรียนต้องสร้างข้อตกลงร่วมกัน

# เพื่อให้นักเรียนรู้สึกว่าข้อตกลงเกิดขึ้นมาจากตัวของเขาเอง และจะปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเต็มใจ


? ทำไมครูต้องหลีกเลี่ยงพูดคำที่ว่า หยุด อย่า ห้าม


# คำเหล่านั้นเป็นการตัดสินจากครูเองครูควรใช้คำถามกระตุ้นให้เด็กคิดเองแทนที่จะสั่งว่าสิ่งนั้นควรทำ หรือไม่


? ทำไมคุณครูต้องปลูกฝังให้เด็กชั้นอนุบาลเรียกสิ่งต่างๆ โดยมี คำว่า ”พี่” นำหน้า


# เป็นการพัฒนาความฉลาดด้านจิตวิญญาณให้กับเด็ก ตระหนักรู้ คุณค่าของสิ่งต่างๆ มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมและใช้ชีวิต อย่างมีความหมาย รู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล กระบวนการนี้เป็นการสร้างคนที่มีความมั่นคงภายใน อีกทั้งยังเป็น การเคารพทุกสรรพสิ่ง ลดความอหังการ์หรือหยิ่งทะนงตน


? ทำไมครูไม่ให้เด็กอนุบาลเขียนในเส้นบรรทัด หรือเขียนตามรอย เส้นประ



# เด็กระดับอนุบาลพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างมือกับตายังไม่พร้อม จึงควรให้เด็กเขียนได้อย่างอิสระ เพื่อให้เด็กรักที่จะเขียน ถ้าบังคับเด็กอาจจะไม่รักการเขียนหรือต่อต้านได้


? ทำไมครูต้องกอดเด็กอนุบาลทุกวัน


# เป็นการแสดงออกซึ่งความรักได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด เพื่อลดแรงต้านแล้วเปิดสัมผัสสู่ความไว้วางใจระหว่างเด็กกับครู


? ทำไมโรงเรียนจึงจัดการเรียนการสอนเป็น 4 Quarter


# โรงเรียนจัดการเรียนรู้แบบหน่วยบูรณาการ ช่วงเวลา 10 สัปดาห์ไม่สั้นและยาวเกินไป (1 Quarter =10 สัปดาห์) และ หลังจากสิ้น Quarter เด็กๆ จะได้หยุดพักประมาณ 10 วัน เพื่อให้สมองได้มีเวลาจัดเรียงประสบการณ์การเรียนรู้ที่ผ่านมา ได้ตกผลึกความคิด ได้ให้เวลากับวุฒิภาวะให้เติบโต ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือคนเราอาจจะเข้าใจคณิตศาสตร์ตอนเรียนชั้น มัธยมปีที่ 4 ก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไปเป็นปีหรือเมื่อเรียนชั้นสูงขึ้น


? ทำไมโรงเรียนจึงไม่มีเสียงระฆัง เสียงกริ่ง ที่เป็นสัญญาณบอกการเริ่มต้นหรือการสิ้นสุดแต่ละช่วงเวลา


# เนื่องจากโรงเรียนฯ ได้นำเด็กดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียนอย่างเป็นวิถีที่คงเส้นคงวาจนเด็กทุกคนรับรู้กติกาโดยนัยนี้ และเกิดวินัยเรื่องการรักษาเวลา


# เพื่อสร้างการเรียนรู้เรื่องของเวลาโดยเฉพาะความรู้สึกเชิงขนาด ความสั้นยาวของเวลา และ ความรู้สึกที่จะประมาณเวลา ณ จุดใดจุดหนึ่ง


? ทำไมห้องเรียนจึงเป็นหกเหลี่ยม หรือเป็นห้องเปิดโล่ง


# เพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นอิสระ การจัดการเรียนลื่นไหล ยืดหยุ่นไม่มีเด็กหน้าห้องหลังห้อง ห้องเรียนสามารถเปลี่ยนมุม เปลี่ยนหน้าห้องได้ทุกด้าน


? ทำไมต้องจัดตารางเรียน 3 ส่วน คือ เช้า สาย และ บ่าย

# การเรียนรู้ช่วงเช้าใช้ใจเป็นฐาน เพื่อสอดรับกับการพัฒนา EQ (Emotion Quotient) และ SQ (Spiritual Quotient) ผ่านการเล่นด้วยกัน พูดคุยกัน และกิจกรรมจิตศึกษา


# การเรียนรู้ช่วงสายใช้สมองเป็นฐาน เพื่อพัฒนา IQ (Intellectual Quotient สมอง) โดยผ่านการเรียนวิชาที่เป็นทักษะพื้นฐาน ได้แก่ ภาษาไทย คณิตฯ และอังกฤษ


# การเรียนรู้ในช่วงบ่ายใช้กายเป็นฐาน PQ (Physical Quotient) โดยการเรียนรู้ผ่านหน่วยบูรณาการที่เน้นการลงมือปฏิบัติ


? ทำไมต้องมีการจัดกิจกรรมจิตศึกษา ตอนเช้า 20 นาทีก่อนเรียนทุกวิชา



# เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนให้อยู่ในภาวะ คลื่นสมองต่ำ ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนา ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในด้านการ พัฒนาความฉลาดภายใน และบางกิจกรรมของจิตศึกษายังเป็นการบ่มเพาะ เมล็ดพันธุ์ดีไว้ในจิตใต้สำนึก เพื่อให้งอกงามในอนาคต


? ทำไมต้องใช้ดนตรีบรรเลงในกิจกรรมจิตศึกษาและกิจกรรมต่างๆ



# ดนตรีเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง ดนตรีบางประเภท เช่น เสียงเพลงปลาวาฬ เสียงสวดโอมฤๅษี เพลง Mantra เสียงเคาะไม้ไผ่ เพลงบรรเลง Spa จะทำให้คลื่นสมองของผู้ฟังมีความถี่ ต่ำลง ซึ่งจะทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย เกิดสมาธิ แต่ดนตรี ประเภทที่มีความซับซ้อนสูงอย่างดนตรีคลาสสิกของ Mozart, Vivaldi, Handel จะกระตุ้นสมองให้การส่งถ่ายข้อมูล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเหมาะสำหรับการเปิดคลอเบาๆ ขณะที่เด็กทำงานที่ต้องใช้ความคิด


# บางห้องเรียนจะจุดกลิ่นน้ำมันหอมระเหยประเภทกลิ่นอ่อนๆ เพื่อให้กลิ่นช่วยกระตุ้นสมองผ่อนคลายมากขึ้น


? ทำไมโรงเรียนฯ จึงไม่ใช้แบบเรียน


# การที่ครูสอนตามแบบเรียน หรือ ยึดแบบเรียน มีข้อดีคือ ครู สะดวก และวัดสิ่งที่เด็กรู้ได้ง่าย แค่วัดว่าใครรู้ตรงกับสิ่งที่มี อยู่ในหนังสือมากที่สุด แต่ความรู้ในโลกมากมายมหาศาล ความรู้เก่าถูกทับทมด้วยความรู้ใหม่จนใช้การไม่ได้ โรงเรียนฯ จึง ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ การคิด และทักษะสำหรับอนาคตมากกว่า การเรียนรู้จากปัญหาจริงที่อยู่รายรอบก็เป็น หนทางหนึ่งที่จะละทิ้งแบบเรียน เด็กๆ จะกระตือรือร้นในการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหานั่นจะทำให้ได้ความรู้ที่สดใหม่ และทักษะใหม่ๆ ให้เท่าทันกาลอยู่เสมอ


? ทำไมต้องมีบอร์ดติดผลงานนักเรียนไว้ในแต่ละชั้นเรียน และใน อาคารเรียนจนเต็มไปหมด


# เราเรียกว่า Wall Thinking เพื่อให้นักเรียนได้นำเสนอความ ภาคภูมิใจในสิ่งที่ได้เรียนรู้ เห็นความก้าวหน้าของงานตนเอง ให้คนอื่นได้เรียนรู้และได้เรียนรู้จากงานคนอื่น เป็นการเรียนรู้ ร่วมกัน


? ทำไมต้องมีโปรแกรมพัฒนาเด็ก LD และเด็กที่มีความต้องการ พิเศษ และให้ผู้ปกครองมาร่วมพัฒนา



# การสอนรวมทั้งชั้นนั้นยังไม่พอเพียงสำหรับการพัฒนาศักยภาพ เฉพาะบุคคล ในแต่ละช่วงเวลาเด็กแต่ละคนอาจจะมี บางอย่างติดขัด อาจไม่เข้าใจเนื้อหาในเรื่องนั้นๆ และขาดทักษะบางอย่าง อ่านคำควบกล้ำไม่ได้ มีปัญหาการปรับตัว เข้ากับเพื่อนบางกลุ่ม ฯลฯ ซึ่งเราเรียกโดยรวมว่า LD (Learning Disabilities) เราไม่เชื่อว่าเด็กที่เป็น LD เรื่องนั้นจะเป็น อย่างนั้นตลอดไป การจัดทำโปรแกรม การพัฒนาโดยร่วมมือกับผู้ปกครองจะให้ผลเร็วขึ้น เพราะเด็กจะได้รับการพัฒนา เพื่อแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน


? ทำไมต้องมีกิจกรรมเดินทางไกลที่เด็กต้องเดินเป็นสิบกิโลเมตร



# เป็นการฝึกฝนเพื่อเพิ่มขีดจำกัดความอดทนทั้งทางกายและใจ ด้วยวิถีชีวิตของคนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย จนความอดทนต่อทั้งทางกาย และทางใจนั้นน้อยลง ทั้งที่ความอดทนคือเครื่องค้ำชูความเพียรให้การงานต่างลุล่วง


? ทำไมต้องมีเวทีประชันความสามารถทุกเดือน



โรงเรียนหลีกเลี่ยงการสร้างการแข่งขันเพราะนักเรียนแต่ละคน มีทักษะและความสามารถที่แตกต่างและหลากหลาย การจัดเวที ให้เด็กได้แสดงออกถึงความสามารถเฉพาะด้าน จะส่งเสริมความมั่นใจ การกล้าแสดงออก เห็นคุณค่าของตนเอง และการชื่นชมความสามารถของผู้อื่น อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้เด็กค้นพบตัวเอง










? ทำไมนักเรียนชั้น ป.6 ทุกคนต้องได้ทำค้นคว้าอิสระ 1 เรื่องต่อ 1 ปี



# เป็นการประมวลองค์ความรู้ตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ได้เรียนรู้มา ให้นักเรียนสามารถใช้เครื่องมือในการแสวงหาความรู้ การจัดการความรู้ และทักษะกระบวนการคิดในการทำงาน การแก้ปัญหา การประสานงานและการหาเวทีถ่ายทอด นำเสนอ รวมทั้งได้ฝึกความรับผิดชอบ


# ฝึกการวางแผน การจดจ่อ ติดตามงานที่ทำ และเข้าใจเรื่องที่ศึกษาอย่างแท้จริง


? ทำไมโรงเรียนไม่มีรถรับส่งนักเรียน


# การมารับส่งนักเรียนด้วยตัวผู้ปกครองเอง ผู้ปกครองจะได้มั่นใจว่านักเรียนมาถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยและได้พูดคุยสื่อ สาร กับคุณครู หรือผู้ปกครองด้วยกันเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รวมทั้งได้รู้จักเพื่อนของลูกด้วย


? ทำไมนักเรียนต้องมีหน้าที่ทำความสะอาดห้องเรียนและโรงเรียน


# เพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบ การมีจิตอาสา และความเห็นอกเห็นใจต่อคนอื่นสิ่งอื่น


? ทำไมไม่มีวิชาคอมพิวเตอร์ หรือห้องเรียนคอมพิวเตอร์



# โรงเรียนฯ มีคอมพิวเตอร์ไว้ในที่ส่วนรวมเพื่อให้เด็กๆ ได้ใช้เป็นเครื่องมือใน การเรียนรู้ เช่น การสืบค้นข้อมูล การทำเอกสาร การสื่อสาร การตัดต่อคลิปวีดีโอ ซึ่งเด็กจะเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วยิ่งเพียงแค่ได้ใช้จริง


? ทำไมให้เวลานักเรียนสำหรับรับประทานอาหารกลางวันเพียง 20 นาที



# เพราะเวลา 20 นาที เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนรับประทานอาหารได้อิ่มอย่างพอดี ทั้งยังเป็นการฝึกวินัยในเรื่องเวลา


? ทำไมไม่ให้เด็กๆ ท่องสูตรคูณ


# เพราะการสอนคณิตศาสตร์ของโรงเรียนฯ มุ่งสร้างความเข้าใจ อยู่แล้ว ไม่ได้มุ่งความจำ ดังนั้นจึงไม่ต้องเริ่มต้นที่ท่องสูตร หรือท่องสูตรคูณแบบไม่เข้าใจ ต่อเมื่อเรียนเข้าใจแล้วก็ไม่จำเป็น ต้องท่องสูตรคูณแต่จะสามารถสร้างสูตรคูณได้เอง


? ทำไมไม่มีสหกรณ์ร้านค้าในโรงเรียน


# การ มีสหกรณ์เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้หลักการสหกรณ์เป็นเรื่องที่ดี แต่สหกรณ์ร้านค้าในโรงเรียนส่วนใหญ่จะขายขนมตาม กระแสโฆษณา ดังนั้นโรงเรียนจึงต้องการเป็นสถานที่ที่ควรจะลดการตอบสนองต่อสินค้าเหล่านั้น ทั้งยังลดปัญหาการใช้เงิน ฟุ้งเฟ้อ ลดขยะ และ ลดขนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายน้อย


? ทำไมโรงเรียนจึงมุ่งผลิตพืชผักข้าวอินทรีย์ (Organic) ไว้กินเอง ให้มากที่สุด


# เพราะแผ่นดินทั่วประเทศกำลังร้องไห้เพราะเต็มไปด้วยสารพิษ และคนทุกคนก็รับสารพิษเหล่านั้นทางอาหารแทบทุกวัน โรงเรียนต้องเป็นแหล่งให้ความรู้และเป็นตัวอย่างในการผลิตอาหารที่ปลอดภัย


? ทำไมไม่มีคนมาขายของในโรงเรียน


# เพราะโรงเรียนฯ ควบคุมความปลอดภัยของอาหารได้ยาก และ ไม่ต้องการให้นักเรียนใช้เงินอย่างฟุ้งเฟ้อ ทั้งนี้โรงเรียนต้อง จัดอาหารกลางวันให้เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพ


? ทำไมต้องใช้นิทานและวรรณกรรมในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนภาษาไทย และภาษาอังกฤษแทนการใช้แบบเรียน ตามที่กระทรวงฯ กำหนด


# เพื่อให้การเรียนรู้ภาษาอย่างมีความหมาย เป็นการเรียนรู้การใช้ ภาษาจริงๆ อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะภาษาวรรณกรรมนั้น มีนัยที่ต้องตีความ ทั้งวรรณกรรมยังเป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดวิถีชีวิต ผ่านตัวละครที่หลากหลาย ทำ ให้สัมผัสถึงความมีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่การอ่านคำอย่างแห้งแล้ง โดยครูผู้สอนสามารถดึงหลักภาษาที่ซ่อนอยู่ในเรื่องมาสอนได้อย่างเป็น ธรรมชาติและให้ สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางได้ เป้าหมายที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการ ได้เรียนรู้ชีวิตผ่านชีวิตจำลองในวรรณกรรม ทั้งยัง ซ่อนไว้ด้วย ค่านิยมทางสังคม สภาพของสังคม หรือความจริงอื่นๆ ทั้งที่สวยงามและไม่สวยงาม


? ทำไมต้องสอนด้วยหน่วยบูรณาการโดย PBL



# การออกแบบการเรียนการสอนบูรณาการโดยโครงงานผสมผสาน แนวคิดหลายอย่างได้แก่ การออกแบบการเรียนรู้ที่ สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของสมอง การบูรณาการองค์ความรู้เพื่อ ให้เกิดการเชื่อมโยงการใช้องค์ความรู้อย่าง หลากหลาย การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจากการทำโครงงาน การสร้างนวัตกรรมเพื่อ แก้ปัญหา การพัฒนาการคิดหลายระดับ และการออกแบบการเรียนรู้เพื่อมุ่งสู่ความเข้าใจ โดยจัดทำเป็นหน่วยการเรียนแบบ บูรณาการที่ผสมผสาน ทุกแนวคิดข้างต้น และให้นักเรียนได้มีโอกาสเป็นผู้เลือกหัวข้อที่จะเรียนรู้ร่วมกันในแต่ละ หน่วยการเรียนจะใช้เวลาเรียน 10 สัปดาห์ ทั้งนี้ยังต้อง ให้สอดคล้องกับมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลาง


? ทำไมโรงเรียนจึงไม่กังวลว่านักเรียนจะสอบเข้าเรียนต่อที่อื่น ได้หรือไม่



# เพราะการสอบไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของการจัดการศึกษา เรา ไม่เคยวอกแวกต่อเป้าหมายในการพัฒนาเด็กคือการ ที่พยายามสร้างการบรรลุเป้า หมายที่สูงกว่าคือการมีทักษะสำหรับอนาคต มีทั้งปัญญาภายในและปัญญาภายนอกให้มี ความสามารถที่จะดำรงชีววิตอยู่ได้อย่าง มีคุณภาพในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า รายละเอียดอยู่ในหนังสือ “โรงเรียน นอกกะลา” และ “ปาฎิหาริย์การศึกษา ณ โรงเรียนนอกกะลา”


? ทำไมไม่มีการสอบ ไม่จัดลำดับ และ ไม่ส่งนักเรียนเข้าแข่งขันทักษะด้านวิชาการ



# เราพยายามจะถามตนเองก่อนว่า การได้อันดับสุดท้ายจะทำให้นักเรียนกระตือรือร้นขึ้นหรือเปล่า การที่ในชีวิตเรียนมา ไม่เคยได้อันดับหนึ่ง อันดับสอง ทำให้คนนั้นกระตือรือร้นขึ้นหรือไม่ แรงจูงใจของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การสร้างอันดับ มนุษย์มีความปรารถนาที่จะเจริญงอกงาม อยากจะประสบผลสำเร็จ แต่มีพื้นที่มี โอกาสที่จะให้เขางอกงามประสบผล สำเร็จไหม การแข่งขัน สร้างอันดับจะมีพื้นที่สำหรับอันดับหนึ่งเพียงคนเดียว แต่ที่เหลือไม่ใช่อันดับหนึ่ง จะเห็นว่าพื้นที่ การให้โอกาสนั้นแคบมาก การที่จะให้คนเกิดแรงจูงใจต้องมาจากการสร้างแรงขับภายในไม่ใช่ ล่อด้วยความอยากเพราะมัน จะไม่ยั่งยืน


# การที่ไม่ส่งเด็กประกวดหรือแข่งขันทักษะวิชาการต่างๆ นั่นเพราะ เราเชื่อว่าการแข่งขันเป็นการลดคุณค่าของเด็กส่วนใหญ่ และเป็นการทำร้ายเด็กทั้งสองฝ่าย คนชนะจะรู้สึกอหังการ์ คนแพ้ จะรู้สึกด้อยค่า


? ทำไมจึงเรียกว่า “โรงเรียนนอกกะลา”



# การศึกษาควรทำหน้าที่ในการปลดปล่อยคนให้อิสระจากความไม่รู้และสิ่งครอบทั้ง มวล การออกนอกกะลาครอบ จะทำให้เราเห็นกว้าง เห็นอย่างเชื่อมโยง เป็นอิสระ จิตวิญญาณที่อิสระ คือภาวะผ่อนเบาสบาย และมีความสุข


? ทำไมไม่มีสภานักเรียนแต่มีกลุ่ม “ศานติ” แทน


# กลุ่ม “ศานติ” ได้มาโดยการเลือกตั้งคล้ายกับสภานักเรียน และมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนรู้หลักประชาธิปไตยเช่นกัน แต่กลุ่มศานติมุ่งสร้างการเรียนรู้เรื่องการสร้าง “ภารดรภาพ” แทนที่จะ มุ่งการออกกฎระเบียบหรือการปกครอง ดังนั้น กลุ่มศานติจึงมีหน้าที่รณรงค์ ไกล่เกลี่ย การสานความสัมพันธ์ การสร้างความร่วมมือ เป็นต้น


? ทำไมโรงเรียนไม่จัดกิจกรรมวันสำคัญ เช่น วันพ่อ วันแม่ วันเด็ก วันครู ฯลฯ


# เพราะต้องการให้เด็กๆ หลุดออกจากมายา ให้เห็นทุกวันมีความสำคัญ ทำทุกวันให้ดีที่สุด


? ทำไมต้องมีแขกมาศึกษาดูงานแทบทุกวัน จะเป็นการรบกวน การเรียนการสอนของเด็กหรือไม่


# รบกวนบ้าง แต่นี่คือเป้าหมายของโรงเรียนที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับโรงเรียน ต่างๆ และสังคม ดังนั้น จึงเป็น หน้าที่ของครู ผู้ปกครองและนักเรียนที่จะตระหนัก และลงมือทำในการเผยแพร่แนวทางและนวัตกรรมทางการศึกษา


? ทำไมที่สนามเด็กเล่นจึงมีแต่ของที่มาจากธรรมชาติ เช่น ท่อนไม้ รูปร่างต่างๆ กระบอกไม้ไผ่ขนาดต่างๆ ก้อนอิฐ ทราย กะลามะพร้าว


# เพราะเป็นสื่อหาง่ายในท้องถิ่น ไม่มีอันตรายจากสารเคมี เป็น ของเล่นที่ไม่สมบูรณ์แบบเกินไป ทำให้เด็กจินตนาการ และเล่นได้อย่างสร้างสรรค์


? ทำไมมีเครือกล้วยสุกแขวนหน้าตึกอนุบาลเสมอ


# กล้วย เป็นผลไม้ที่หาง่ายในท้องถิ่นมีคุณค่าทางสารอาหารและ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ผู้ปกครองนำกล้วยมามอบให้เด็กๆ ได้ รับประทานในตอนเช้า (เด็กบางคนไม่ได้รับประทานอาหารเช้า มาจากบ้าน) และตอนเย็นหลังเลิกเรียน


? ทำไมอนุบาล 1 ต้องใช้สัญลักษณ์ภาพแทนชื่อตัวเอง แล้วทำไมไม่ติดเป็นชื่อเด็กเลย



# เป็นขั้นต้นของการเรียน รู้ภาษา เด็กจะผ่านขั้นของการรับรู้และ เข้าใจความหมายของเสียงจำนวนหนึ่งมาก่อนเข้าเรียน ขณะ เริ่มเข้าเรียนอนุบาล 1 จะอยู่ในขั้นที่จะให้การเรียนรู้ที่จะเข้าใจ ภาพและสัญลักษณ์ แทนเสียงและแทนความหมาย เมื่อเด็ก เริ่มเข้าใจว่าสามารถให้ภาพหรือตัวอักษรหงิกหงอแทนเสียงได้ เด็กจะค่อยๆ เรียนรู้การเขียนสัญลักษณ์แทน เสียง(ตัวอักษร) จากชื่อเล่นหรือสิ่งต่างๆ รอบตัวที่ครูติดคำไว้ หลังจากนั้น เด็กๆ จะสนุกกับการเทียบเคียงเสียงกับรูปคำอื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้ เคียงกัน ขั้นสุดท้ายคือแตกแขนงทางภาษาที่ต้องการให้เด็ก สะกด ผสมคำเป็น และใช้คำให้ถูกความหมาย


? ทำไมไม่มีระเบียบทรงผมสำหรับนักเรียน


# ทรงผมไม่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้และการคิด และเพื่อสอนให้มีความเคารพต่อกัน


? ทำไมเมื่อแบ่งกลุ่มนักเรียนจึงไม่มีหัวหน้า เลขาหรือเหรัญญิก



# เพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นในอนาคตนั้นคือ ทักษะการทำงาน ร่วมกัน เพื่อการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างศานติประสาน ความร่วมมือจากความสามารถ แต่ละคนที่แตกต่าง เคารพในคุณค่า ของกันและกัน


? ทำไมไม่ให้นักเรียนนำเงิน ขนมและของมีค่า (เครื่องประดับ, นาฬิกา, แหวน,โทรศัพท์) มาโรงเรียน



# เพื่อไม่เป็นการส่งเสริม วัตถุนิยม และ บริโภคนิยม


? ทำไมนักเรียนต้องมีการบ้านทุกวัน


# ให้มีการบ้านทุกวัน แต่ต้องเป็นการบ้านที่เด็กให้เวลาทำไม่เกิน 30 นาที เช่น สมุดบันทึกความสุข สมุดบันทึกการอ่าน และอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อฝึกความรับผิดชอบต่อหน้าที่การเรียน เราไม่เชื่อว่า การบ้านจะเพิ่มพูนทักษะได้มากมาย แต่การบ้าน จะเป็นสะพาน ที่ผู้ปกครองและเด็กได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน เช่น สังเกตสิ่งของ ในบ้าน การสัมภาษณ์เพื่อนบ้าน คนในชุมชน ความคิดเห็นของพ่อแม่ การอ่านนิทานให้พ่อแม่ฟัง เล่าหรือถ่ายทอดเรื่องราว สิ่งที่เรียนรู้ที่โรงเรียนให้ผู้ปกครองฟัง การบ้านไม่ควรเป็นภาระของเด็กและผู้ปกครองมากเกินไป


? ถ้านักเรียนบางคนมาสายต้องทำอย่างไร



# กิจกรรมหน้าเสาธงจะเริ่มประมาณ 08.00 น. เด็กและครูจะมาพร้อมกันที่หน้าเสาธงโดยไม่มีสัญญาณบอก ในแต่ละวัน จะหมุนเวียนให้ทุกชั้นเด็กทุกคนได้มีโอกาสเป็นตัวแทนเชิญธงชาติ จากนั้นเมื่อทุกคนพร้อมแล้วเราจะร้องเพลงชาติ สวดมนต์แปล ร้องเพลงแผ่เมตตาเพื่อมอบความรักความปรารถนาดีให้กับ ทุกสรรพสิ่ง ต่อด้วยการอธิษฐานในใจอย่างเงียบๆ คุณครูที่เป็นคนนำกิจกรรมก็จะกล่าวขอบคุณและชื่นชมเด็กๆ และเด็กๆ ก็ขอบคุณคุณครูเช่นกัน จากนั้นเด็กและครูก็แยกย้าย ตามชั้นเรียน บางชั้นครูก็พาเด็กๆ เดินรอบๆ โรงเรียน บางชั้นก็ไปห้องสมุด เลือกหนังสือที่อยากอ่าน หรืออยากให้ครูอ่านให้ฟัง บางชั้นก็เดินกำกับสติตามรอยเท้าที่วาดไว้บนพื้นทางเดิน บางชั้นก็เล่นเกม ฯลฯ เพื่อที่จะเข้าชั้นเรียนทำกิจกรรมจิตศึกษาต่อ


# จะมีนักเรียนบางคนที่มาโรงเรียนไม่ทันทำกิจกรรมหน้าเสาธง คุณครูเวรจะดูแลให้เด็กได้ผ่านวิถีชีวิตเหมือนเพื่อนๆ ครูอาจจะให้ทุกคนบอกสาเหตุของการมาไม่ทันเข้าแถว และให้แต่ละคน คิดวิธีแก้ปัญหาเพื่อให้มาทันทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ถ้ากรณี ยังมาสายบ่อยๆ ครูจะทำงานร่วม มือกับผู้ปกครอง สร้างความตระหนักและความเข้าใจให้กับผู้ปกครองในเรื่องของ การให้เด็กมา โรงเรียนเช้าหรือมาให้ทันกิจกรรม เพราะการมาโรงเรียนเช้า จะทำให้เด็กอารมณ์ดี สดชื่น รวมทั้งได้เล่นกับครู เล่นกับเพื่อน ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ร่วมกัน จากนั้นก็จะส่งผลให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข มากกว่าคนที่มาสาย


? ทำไมนักเรียนทุกคนต้องเขียนบันทึกความสุข และฝึกตั้งคำถามในบันทึกความสุข


# เพื่อฝึกทักษะทางภาษาในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก และ ความดีงามจากประสบการณ์จริงของแต่ละคน ส่วนคำถามคือเครื่องมือกระตุ้นการคิดที่สำคัญ และก่อให้เกิดความกระหาย ใคร่รู้และการแสวงหาคำตอบด้วยตนเอง


? ทำไมนักเรียนแต่ละคนต้องมีแฟ้มสะสมงานติดตามไปตลอด ตั้งแต่แรกเข้าจนจบ



# เพื่อเก็บรวบรวมประวัติส่วนตัวของนักเรียนตลอดจนผลงาน เพื่อส่งต่อให้ครูในระดับชั้นต่อไปได้รู้จักเด็กแต่ละคนในทุกมิติ และให้โรงเรียนได้เห็นพัฒนาการความงอกงามของนักเรียนตั้งแต่แรกเข้าจนจบ


? ทำไมต้องให้นักเรียนสรุปงานสิ้นปี



# เพื่อให้นักเรียนได้ประมวลทักษะและความรู้ที่ตนเองเข้าใจสื่อ ออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น การแสดงละคร, แต่งนิทาน, แต่งเพลง,หนังสั้น, สารคดี ชั้นงานที่เป็นนวัตกรรม ทั้งยังเป็นการสร้างเวทีเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองชื่นชม ความงอกงามของนักเรียน


? ทำไมต้องให้ผู้ปกครองได้อาสามาสอนในสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่ให้กับเด็กๆ


# เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจแนวทางการสอนของโรงเรียนฯ ยิ่งขึ้น และ ร่วมกันส่ง เสริมให้เด็กได้เรียนรู้และภูมิใจในรากเหง้า ของตนเอง ภูมิปัญญาท้องถิ่น เมื่อนักเรียนโตขึ้นพ่อแม่ไม่สามารถติดตามดูแล แนะนำหรืออยู่กับลูกได้ตลอดเวลา ดังนั้น การสอนเพื่อน ของลูกด้วยจึงเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ลูกเป็นคนดี ทำให้สังคม เป็นสังคมที่ดี


? ทำไมต้องมีสมุดสื่อสารระหว่างครูกับผู้ปกครอง


# เพื่อให้การสื่อสารระหว่างโรงเรียนได้เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ผู้ปกครองจะได้เห็นพัฒนาการความงอกงามของนักเรียน ได้เผยแพร่ ข้อมูลข่าว สารของโรงเรียน เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกัน ในการพัฒนาตัวผู้เรียนได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นอีก ช่องทางหนึ่ง ที่ผู้ปกครองสามารถเขียนสื่อสารมาหาครูประจำชั้นได้แทนการพูดคุย